วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เมืองไทย จะเปลี๋ยนไป๋..(จะๆๆๆ จิๆๆๆ จริงหรือ)เนี๊ย..

ที่มา : ก็มาจาก เมล ของผมครับ พี่น้องลองอ่านพิจารณาดู .....
--------------------------------------------------------------------------------
ปี 2553 จุดจบประเทศไทย ...... ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน
สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปั­­ญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน ! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิ­ญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล
ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนให­่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญ­หาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus, Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ
ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?
4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553 คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปั­­าไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน
จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่
เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?
ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างให­่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน
นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท
ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด
ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว
ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน

*-*------------
จริงแล้วมันจริงอย่างที่เค้าว่า กันรึเปล่า....สุดท้ายปแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพวกเราๆทั้งนั้นแระ เนอะ ว่าไหม

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สวัสดีปีใหม่ เด้อ พี่น้อง...



สวัสดีปีใหม่นะครับ พี่น้องชาวไทย ปีใหม่นี้ผมขอให้พี่ น้องชาวอุบลฯพี่น้องชาวไทยทุกคนมีความสุขม่วนชื่น โฮ..แซวกันทุกม่องนะคร้าบบบบ
ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกคนนะครับ ...
สวัสดีปีใหม่ครับ



วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Creative Advertisements Around The World (เก็บมาฝาก)
















เก็บมาฝากครับ..จากบทเรียนที่ได้เรียน..
--------------------------------------------------------------------------------
หลังจากก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือมาเกือบ2เดือนก็ถึงวันสอบซะที...เฮ่อฉันล่ะเบื่อ..อ่านหนังสือก็แระ..อบรมก็แล้ว..มันก็ยังสังสัยอันโน้น อันนั้นอยู่ดี อ่านเรื่องนี้พออีกวันอ่านอีกเรื่องหนึงก็ดันลืมเรื่องที่อ่านเมื่อวานซะแล้วเฮ่อ..วั่นๆนะเนี่ยกลัวจาสอบม่ะได้แต่สุดท้ายท้ายสุดก็ต้องสอบอยู่ดี แต่พอวันสอบเข้าจริงๆ มันก็รู้เรื่องนะ เรื่องหลาย เรื่องที่เคยอ่านมันก็ทยอยๆฝ่านเข้ามาในสมอง (จนอดสงสัยในตัวเองม่ะได้ ว่า เฮ้ย..ตูจำได้ด้วยรึนี้ ให้ตายสิ นี้ดีที่ตูนะที่อ่านมา ไม่งั้น..*-*0.0T_T) อย่างว่าล่ะไม่อ่านมานนนจาสอบได้ซะที่ไหนล่ะพ่อคู๊นนน ถึงสอบ ก็คงจาได้สอบ 555++ และนายศ.สาลาก็พึ่งรู้และก็เข้าใจจริงๆว่า..จริงๆแล้วเราจำได้ แต่เป็นการจำท่อนๆหนึ่งในหน้านั้นหรือบททความในหน้านั้นๆ..และก็ได้รู้จริงๆว่าการโน๊ตย่อนี้มันช่างมีประโยชน์เหลือเกิน บางคนอ่านบทความของผม จะแล้วรู้สึกว่า ปัดโถ่..ไอ้บ้า ใครเค้าไม่ทำกันล่ะไอ้เรื่องแบบนี้..มันเป็นเรื่องธรรมดาแต่สำหรับผมมันเป็นเหมือนความรู้ใหม่ๆไม่ใช่สิ สิ่งใหม่ๆที่ผมเองพึ่งรู้และเข้าใจมัน.รวมทั้งอีกหลายเรื่องที่มันมาพร้อมๆกัน มันช่างดีจริงๆ เพราะถ้าหากผมหยุดตัวเองตั้งแต่วันนั้นผมจะไม่มีทางได้รู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ มันก็อะไร..
(ความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ ในเรื่องเล็กๆน้อยๆในสายตาของคนทั่วไป ในความรู้สึกของเด็กไม่เอาไหน คนหนึ่ง) คุณลองนึกดูสิครับ..มันจะขนาดไหนกัน
แล้วเจอกันใหม่ครับ






วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Abraham Maslow ...ความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด..เฮ่อ..

ABRAHAM MASLOW
1908-1970

------------------------------------------------

Abraham Harold Maslow was born April 1, 1908 in Brooklyn, New York. He was the first of seven children born to his parents, who themselves were uneducated Jewish immigrants from Russia. His parents, hoping for the best for their children in the new world, pushed him hard for academic success. Not surprisingly, he became very lonely as a boy, and found his refuge in books.
To satisfy his parents, he first studied law at the City College of New York (CCNY). After three semesters, he transferred to Cornell, and then back to CCNY. He married Bertha Goodman, his first cousin, against his parents wishes. Abe and Bertha went on to have two daughters.
He and Bertha moved to Wisconsin so that he could attend the University of Wisconsin. Here, he became interested in psychology, and his school work began to improve dramatically. He spent time there working with Harry Harlow, who is famous for his experiments with baby rhesus monkeys and attachment behavior.
He received his BA in 1930, his MA in 1931, and his PhD in 1934, all in psychology, all from the University of Wisconsin. A year after graduation, he returned to New York to work with E. L. Thorndike at Columbia, where Maslow became interested in research on human sexuality.
He began teaching full time at Brooklyn College. During this period of his life, he came into contact with the many European intellectuals that were immigrating to the US, and Brooklyn in particular, at that time -- people like Adler, Fromm, Horney, as well as several Gestalt and Freudian psychologists.
Maslow served as the chair of the psychology department at Brandeis from 1951 to 1969. While there he met Kurt Goldstein, who had originated the idea of self-actualization in his famous book, The Organism (1934). It was also here that he began his crusade for a humanistic psychology -- something ultimately much more important to him than his own theorizing.
He spend his final years in semi-retirement in California, until, on June 8 1970, he died of a heart attack after years of ill health.

------------------------------------
Theory
One of the many interesting things Maslow noticed while he worked with monkeys early in his career, was that some needs take precedence over others. For example, if you are hungry and thirsty, you will tend to try to take care of the thirst first. After all, you can do without food for weeks, but you can only do without water for a couple of days! Thirst is a “stronger” need than hunger. Likewise, if you are very very thirsty, but someone has put a choke hold on you and you can’t breath, which is more important? The need to breathe, of course. On the other hand, sex is less powerful than any of these. Let’s face it, you won’t die if you don’t get it!


Maslow took this idea and created his now famous hierarchy of needs. Beyond the details of air, water, food, and sex, he laid out five broader layers: the physiological needs, the needs for safety and security, the needs for love and belonging, the needs for esteem, and the need to actualize the self, in that order
1. The physiological needs. These include the needs we have for oxygen, water, protein, salt, sugar, calcium, and other minerals and vitamins. They also include the need to maintain a pH balance (getting too acidic or base will kill you) and temperature (98.6 or near to it). Also, there’s the needs to be active, to rest, to sleep, to get rid of wastes (CO2, sweat, urine, and feces), to avoid pain, and to have sex. Quite a collection!
Maslow believed, and research supports him, that these are in fact individual needs, and that a lack of, say, vitamin C, will lead to a very specific hunger for things which have in the past provided that vitamin C -- e.g. orange juice. I guess the cravings that some pregnant women have, and the way in which babies eat the most foul tasting baby food, support the idea
anecdotally.

2. The safety and security needs. When the physiological needs are largely taken care of, this second layer of needs comes into play. You will become increasingly interested in finding safe circumstances, stability, protection. You might develop a need for structure, for order, some limits.

Looking at it negatively, you become concerned, not with needs like hunger and thirst, but with your fears and anxieties. In the ordinary American adult, this set of needs manifest themselves in the form of our urges to have a home in a safe neighborhood, a little job security and a nest egg, a good retirement plan and a bit of insurance, and so on.

3. The love and belonging needs. When physiological needs and safety needs are, by and large, taken care of, a third layer starts to show up. You begin to feel the need for friends, a sweetheart, children, affectionate relationships in general, even a sense of community. Looked at negatively, you become increasing susceptible to loneliness and social anxieties.
In our day-to-day life, we exhibit these needs in our desires to marry, have a family, be a part of a community, a member of a church, a brother in the fraternity, a part of a gang or a bowling club. It is also a part of what we look for in a career.

4. The esteem needs. Next, we begin to look for a little self-esteem. Maslow noted two versions of esteem needs, a lower one and a higher one. The lower one is the need for the respect of others, the need for status, fame, glory, recognition, attention, reputation, appreciation, dignity, even dominance. The higher form involves the need for self-respect, including such feelings as confidence, competence, achievement, mastery, independence, and freedom. Note that this is the “higher” form because, unlike the respect of others, once you have self-respect, it’s a lot harder to lose!

The negative version of these needs is low self-esteem and inferiority complexes. Maslow felt that Adler was really onto something when he proposed that these were at the roots of many, if not most, of our psychological problems. In modern countries, most of us have what we need in regard to our physiological and safety needs. We, more often than not, have quite a bit of love and belonging, too. It’s a little respect that often seems so very hard to get!
เดี๋ยวมาต่อกันวันหลัง มาสโลว์ในความคิดของทิศพร

Abraham Maslow ...ความต้องการของมนุษย

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ลำนำบทกลอน จากคนนอนข้างทาง

จากบันทึกของชายผู้เรียกตัวเองว่า ศ.สาลา ...

ศ.สาลามาจาก ชื่อของผมเอง ซึ่งเป็นพยางค์ตัวสุดท้ายในชื่อ คือ สุทธิพงศ์

จะว่าไปแล้ว ตัว ศ.สาลามันก็แปลได้หลายอย่างนะเช่น แปลไปทางแนวความรัก ก็จะเป็นเหมือนการเปรียบตัวเองว่าเป็นเหมือน ศ.สาลาที่เอาไว้ให้เค้ามาพักใจ แล้วก็จากไป...ก็คงจะถูกอย่างที่เค้าว่า ศ.สาลาเงียบเหงา แตกต่างจากผมริบลับผม เป็นคนช่างพูด พูดเก่งพูดจนบางครั้งเพื่อนที่นั่งฟังหลับไปเลยก็มี เป็นคนพูดเก่งมาตั้งแต่เด็กครับ.... อีกอย่างก็ชอบแหกปากร้องเพลง..ด้วยชอบเล่นดนตรี เล่นเกมเหมือนๆเด็กวัยรุ่นทั่วไป อ่ะครับ แถมอันที่เหมือนเอามากๆ ก็น่าจะเป้น ก๊งเหล้า.. ยามเย็น 5++
-------


เรียน และ งาน
เรียน เรียน เขียนอ่าน อยากจบ..
และขยันทำงานมัน- หนักหนา
งานก็มากตรากตรำ กับตำรา
มันเหนื่อยล้า (ถ้าไม่กล้า) จงอย่า...เรียน.


คนอากาศ..
ไม่พูดไม่โต้ตอบ ไม่โต้แย้ง ไม่แข่งขัน
ไม่ห้าม ไม่ว่า ไม่ด่า แดก ดัน...
ไม่อะไร ทั้งนั้น ถ้าทุกอย่าง ที่ทำ ไม่พอใจ


แค่ทุกอย่างในโลกนี้ แค่จัย ของผม....
แด่ทุกอย่างในโลกนี้ ที่ส่งเสริม
ช่วยแต่งเติมชีวิต ให้สดใส
แด่ทุกอย่างในโลกนี้ ที่ขาดไป
แด่หัวจัยที่อดกลั่น ไม่หมดแรง
.. แด่ชีวิตอันน้อยๆ ที่ดาวดิ้น
แด่ทุกอย่างที่ไม่- เคยเป็นจริง
แด่ความหวังศรัทธา จิตวิญญาน. (ศ.สาลา ม.พอกะเทิน)

ผิดพลาดประการใด ศ.สาลา ต้องขอ อภัย มา ณ ที่นี้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เอา Tips ดีๆมาฝาก

เข้าxpไม่ต้อรอนาน
โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้าwin-xpนานประมาณ30วินาที อาจจะไม่ทันใจพวกเรานัก
ไปที่นี้เล้ยยย...
start>runพิมพ์ cmd จะเห็น DOS Prompt พิมพ์ bootcfg /timeout 5 จะเป็นการปรับระยะเวลาหน่วยตอนบูชเครื่องของXPลงจาก30วินาทีเป็น5วินาทีแทน (แต่อาจจะทำให้คุณเลือกออปชั่นในการบุซ ม่ะทัน นะครับ)
--------------------------------------------------------------------------
เอาไปลองใช้กัง เผื่อต่อไปจะได้ต้องมานั่งจ้อ..รอเข้าเข้าวินโดว์เหมือนเดิม
--------------------------------------------------------------------------
ที่มา ---> COMPUTER TODAY ISSUE 367:OCTOBET 2009

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สถาบันสอนคนธรรมดาให้เปงคนฉลาด คร้าบบบบ..

สวัสดีคุณลูกศิษย์ที่น่ารักทุกๆคน
ผมได้ไปจับจองโรงแรมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว เพื่อจะได้กำหนดวันเวลาได้เราจะมีการเรียนการสอนกัน 2 วัน อย่างแน่นอน หากมีคนสมัครเรียนเกิน 20 คน
อบรมกันในวันเสาร์ที่ 7 และ วัน อาทิตย์ ที่ 8 พฤศจิกายน ปีนี้อยากได้สถานที่ดีๆหน่อย ตามสไตล์คนมีความคิดสร้างสรรค์อย่างพวกเราจะได้เรียนสนุก ลุกนั่งกันแบบสบายๆ กินอาหารกันอย่างเต็มที่ บรรยากาศดีๆ มีที่จอดรถและรถไฟฟ้าผ่าน
ทางโรงแรมบอกมาว่าจะต้องมีคนสมัครเรียนมากกว่า 20 คนขึ้นไปถึงจะเปิดหลักสูตรได้อยากให้พวกเราช่วยกระจายข่าวออกไปหน่อย อาจานหัวฟูจะได้ไม่เสียเงินค่ามัดจำฟรีๆ
ผมขอให้ลูกศิษย์ทุกคนที่อยากเรียน(เอาเฉพาะที่สนใจอยากพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เพื่อไปประกอบวิชาชีพ และสอนลูกหลานต่อไปก่อน)ที่ยังไม่รีบพัฒนาสมองก็รอไปก่อนได้ (อีก 2 ปีอาจเปิดอีก)
หลักสูตรพิเศษแบบนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาเปิดสอนบ่อยอาจจะแค่ปีละ 1 ครั้ง (ที่จริงไม่ได้เปิดมานานมากแล้วเนื่องจากรับงานบรรยายตามองค์กรต่างๆก็หมดแรงแล้วและยังเปิดบริษัทโฆษณา ทำรายการทีวี และเป็นที่ปรึกษาให้ กทม.และอีกหลายหน่วยงานอีก)
นอกจากจะขอแรงช่วยกันหาลูกศิษย์ให้แล้ว ยังอยากขอเฉพาะผู้ที่อยากพัฒนาความคิดสร้างสรรค์จริงๆก่อนและอยากให้รีบช่วยกันลงทะเบียนจ่ายเงินเร็วหน่อย R จานหัวฟูจะได้มีเงินไปจ่ายค่าโรงแรมก่อนตอนนี้เลขาไม่อยู่ทำเองคนเดียวหมดเลย ผิดพลาดประการใดต้องขออำไพมา ณ ที่นี้ด้วย
สำหรับผู้ที่โอนเงินแล้วกรุณา ช่วยส่งชื่อ นามสกุล ประวัติส่วนตัว (เอาเท่าที่บอกได้)ที่อยู่ ระดับการศึกษา เบอร์โทร อีเมลล์ส่วนสูง น้ำหนัก ส่วนสัด ไม่ต้องบอก เพราะไม่ได้สมัคร สจ็วตและแอร์ความต้องการและคาดหวังจากการเรียนหลักสูตรนี้จบแล้วอยากได้อะไรกลับไปบ้างห้ามบอกว่าเรียนจบแล้วฉลาดเลย ยังงั้นผมคงเป็นผู้วิเศษ
อยากให้มีโอกาสได้เรียนกันเยอะๆ เพราะน่าจะเอาไปต่อยอดกันได้ครับ




สบายดีนะ
081 812 0484
อาจารย์แสนชัย เวสารัชตระกูลที่ปรึกษาสมาชิกสภากรุงเทพฯ
Creative GURU Mr.Samสุดยอดแฟนพันธ์ุแท้โฆษณา ปี 2002
Creative Speakerสถาบันสอนคนธรรมดาให้มีความคิดสร้างสรรค์
C.E.O. Meideasบริษัทโฆษณาเพื่อสินค้าไทย

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

ครู คำพูน บุญทวี..


ประวัติ
คำพูน บุญทวี เดิมชื่อ คูน เกิดเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ.2471
ที่เกิดที่บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล จังหวัดยโสธร (ขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับ จังหวัดอุบลณาชธานี เป็นบุตรคนโตจากทั้งหมด 7 คนของนายสนิทและนางลุน บุญทวี
คำพูนเรียนหนังสือที่บ้านเกิดจนจบชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 6 ที่โรงเรียนปรีชาบันฑิต จากนั้นจึงเริ่มทำงานหลายอย่างในจังหวัดภาคอีสาน เป็นหัวหน้าคณะรำวง และขายยาเร่ ต่อมาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป็นกรรมกรรับจ้างรายวันที่ท่าเรือคลองเตย เป็นคนเลี้ยงม้าแข่ง เป็นสารถีสามล้อ จนกระทั่งสอบเป็นครูได้บรรจุที่ภาคใต้ สอนหนังสืออยู่ 11 ปี จึงเปลี่ยนไปเป็นผู้คุมเรือนจำ ต่อมาแต่งงานกับ นางประพิศ ณ พัทลุง เมื่อ พ.ศ. 2504 มีบุตร 6 คน แล้วลาออกมาจากงานราชการนี้เมื่ออายุได้ 40 เศษๆ

การทำงาน
เริ่มเขียนหนังสือครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2513 เมื่อครั้งยังเป็นผู้คุม ตอนนั้นมีปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว เขาจึงมุมานะอ่านหนังสือ และเขียนเรื่องสั้น เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขาเขียน คือ "ความรักในเหวลึก" ส่งไปที่นิตยสาร ฟ้าเมืองไทย ของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ อาจินต์ ปัญจพรรค์เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "นิทานลูกทุ่ง" พร้อมทั้งสนับสนุนให้เขาเขียนหนังสือต่อไป เขาจึงเขียนนวนิยายเรื่องแรกคือ มนุษย์ 100 คุก

จากนั้นก็เขียนเรื่อยมา คุณครูจึงกลายเป็นนักเขียนนวนิยาย เรื่องสั้นและสารคดี หนังสือที่ได้รับรางวัลได้แก่
ลูกอีสาน ได้รับรางวัลดีเด่น ประเภทนวนิยาย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2519 และได้รับรางวัล ซีไรท์ เมื่อ พ.ศ. 2522 เป็นผลงานที่ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ ได้รับคัดเลือกเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาระดับมัธยมปลาย ลูกอิสาน ได้รับการแปลภาษาต่างประเทศหลายภาษา เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส
นายฮ้อยทมิฬได้รับรางวัลชมเชย ประเภทนวนิยายจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2520 หลังจากนั้นเขาจึงลาออกจากผู้คุมมาเขียนหนังสือเป็นอาชีพ
เมื่อภรรยาคนแรกเสียชีวิต เขาจึงมีภรรยาใหม่ ชื่อ ลันนา เจริญสิทธิชัย ซึ่งภายหลังได้เขียนนวนิยายเรื่อง "เจ๊กบ้านนอก" โดยใช้นามปากกาว่า กิมหลั่น และร่วมกันทำสำนักพิมพ์โป๊ยเซียน เพื่อพิมพ์หนังสือของครอบครัว

ที่เอาประวัติท่านมาเขียนใน Blog เพราะมีครั้งหนึ่งตอนนั้นผมได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง วัดๆๆไรนะ..? วันนั้น หลังจากที่ฉันเพลเสร็จจึงเข้ามาในกุฎิ ...มันว่างอ่ะครับ ไม่มีอะไรทำ และ..ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น (เสือกเรื่องของชาวบ้านชางช่องเค้าอ่ะครับ) จึงเก็บหนังสื่อในตู้มาอ่าน..ช่วงนั้นเป็นช่วงออกพรรษาพอดี (ว่างๆ) เลยไปสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง อ่านชื่อเรื่องที่แรกมันก็ทำให้ผมมีความรู้สึก..หึกเหิมขึ้นมาทันที นักเลงริมฝั่งโขง โอ้โห่..นักเลงริมฝั่งในความคิดผมนึกว่าคงจะเป็นหนังสื่อเกี่ยวกับผจญภัยของหนุ่มอีสานคนหนึ่งมีชีวิตความเป็นอยู่แบบ บู้..ล้างผลาญ...สู้ๆๆย๊ากๆๆ..เอ็กซ์ๆๆ...ฮ่าๆ.(บ้า..นะเนี๊ยเรา เป็นเอามากด้วย)

---> เดี๋ยวมาต่อนะครับ...ฮ่าวๆๆๆ ง่วง...(ขอนอนสักงีบ)

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

นี้ล่ะ โรงเรียนชีวิต (ของผม)...







แต่ก่อนผมมาอยู่ที่นี้ใหม่ๆผมเองรู้สึกว่าที่ตรงนี้มันเป็นเหมือน ที่ซ่อมรถหรือที่คนหลายๆเรียกว่าโรงซ่อมที่ที่ไม่มีใครสักกี่คนเท่าไหร่จะเข้ามายีบ ทั้งเหม็นน้ำมัน เปลื้อนจารบีทุกอย่างแระผมยังรู้สึกเลย สาวๆเฮ่อ..คงไม่ต้องพูดถึงคงไม่มีใครขี่รถผ่านหรือ ย่างกลายเข้ามา ฮ่าๆ



......



ยังว่าน่ะครับ คนเราเมื่อมันเคยอยู่ที่ไหนมันอยู่ทุกวันเห็นทุกอ่ะเหม็นก็ก็เหม็นเปลื้อนก็เปลื้อนอยู่หรอก..(เค้าว่าไงนะ มัน ชิน..)อืม..มัน ชินซะล่ะจากที่ตรงนี้ที่คิดว่ามันคือโรงซ่อมที่ที่ผมมาหาเงินเพื่อเรียนต่อ..แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าว่าที่ตรง นี้มันเป็น เหมือนโรงเรียนผมซะแล้ว..โรงเรียนที่สอนทั้งความอดทดแบบสุดๆอดกลั้นแบบสุดดๆ...

ศ.สาลา/ม.พอกะเทิน

***



แล้วคุณล่ะ โรงเรียนของคุณแบบไหน



วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อนุรักษ์ของเก่า (บอกลาเจ้าเมมบอร์ดตัวเก่า)



Biostar P4M900-M4 Motherboard - VIA P4M900 Socket 478 MicroATX Audio Video PCI Express 10/100 Ethernet LAN USB 2.0 Serial ATA RAID
-----------------------------
Supported Processor:
Intel Celeron D, Intel Pentium 4, Intel Pentium D
HDMI:
Audio - Line In (1/8" Mini), Audio - Line Out (1/8" Mini), Audio - Microphone In (1/8" Mini), Ethernet - RJ45 Twisted-Pair (XBaseT), Keyboard - 6 pin mini-DIN (PS/2), Mouse - 6 pin mini-DIN (PS/2), Serial - 9 pin D-shell (EIA 574/232), USB - Universal Serial Bus 2.0, Video - 15 pin High-Density D-shell (VGA)
System Board Style:
Micro ATX
Processor Socket:
Intel Socket 478
System Chipset:
VIA P4M900
Memory Technology:
DDR2
Summary
Description:
Biostar P4M900-M4 Motherboard - VIA P4M900 Socket 478 MicroATX Audio Video PCI Express 10/100 Ethernet LAN USB 2.0 Serial ATA RAID
Manufacturer:
Biostar
Lowest Price:
CAD$62.99
User Reviews:
(3.86 / 5.00)(Read 7 Reviews)
Rebates:
(None)
CPU + Northbridge Support
Bus Speed:
800 MHz
Maximum Number of Processors:
1
System Chipset:
VIA P4M900
Processor Socket:
Intel Socket 478
Supported Processor:
Intel Celeron D, Intel Pentium 4, Intel Pentium D
Memory Support
Memory Technology:
DDR2
Max System Memory:
4 GB
---------------------------------
ต่อ..

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บอกรักผู้หญิงคนหนึ่ง..ที่เป็นมากกว่าผู้หญิงคนหนึ่ง



เธอเป็นมากกว่า เพื่อน เป็นมากกว่า แฟน เป็นมากกว่าพี่ เป็นมากกว่าครู และเป็นทั้งพ่อ เธอเป็นทุกๆอย่าง....ที่บอกมา และเธอจะเป็นทุกๆอย่างนี้ตลอดไป..


แด่เธออันเป็นที่ รัก ...


12 สิงหาคม 2552 (ขอให้มีความสุขมากนะ แม่ดูแลตัวเองด้วย)


ศ.สาลา (ม.พอกะเทิน)

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Aurora Quad Core Flagship แฮง บ่...


Aurora Quad Core Flagship
Quality & Performance, meet Value
Subzero System ContainmentThermal management is essential to maintaining performance levels. Overworked processors can fail while at the same time their ambient heat damages additional components. An Alienware Approved Liquid Cooling system provides superior protection for your Aurora while promoting higher CPU benchmarks. Liquid coolants draw away heat far quicker and more efficiently than air currents with the added benefit of reducing the noise output from fans.
Tool-Free DesignA tool-free design means you can access the case, remove and install components and even swap out drives by hand. No more fumbling the screwdriver and dropping a screw back behind the sound card. Too many manufacturers make it too restrictive to do any modifications yourself. Alienware users enjoy more flexibility and a truer ownership of their systems. It’s your computer. We make it easier for you to dive in and get to work.
WiringBy bundling and tying back the system’s wires, you have better access to your computer’s components. No more pushing wires aside or unplugging one part to reach another. Subtle touches like this testify to Alienware’s commitment to empowering our users. We don’t utilize designs or implement policies meant to deny users the opportunity for a hands-on relationship with their system. It’s why serious enthusiasts choose Alienware.
Industrial DesignThe construction of the Aurora desktop augments the system’s performance at every turn. The magnesium alloy frame retains less heat than steel, aiding in proper thermal management. Even small details such as tying back wires result in better airflow, lowering temperatures. Most importantly, Alienware subjected the Aurora’s P2 chassis to rigorous testing, resulting in our most stable platform to date.
อันนี้เอามาจาก Blog เพื่อนบ้านครับเนื้อหาดี..พอดีผมก็ชอบ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นึกคิด

หลังจากที่ ผม นายศ।สาลาได้ไปศึกษาชีวิตเด็กมหาลัย(กับบรรดาหมู่ฝูง..) ที่เค้าใช้ชีวิตกังอยู่ทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเองยังไม่รู้ และต้องศึกษาอีกหล๊ายยยยเรื่อง จนบางทีนึก ว่าเอ ॥เรามังไอ้บ้านนอกรึเปล่าฟ่ะ *-/-/*อิจฉาพวกมังโคตรเลยอ่ะ มีชีวิตอิสระ ทำอารัยก็ได้จาก๊งเหล้า จีบหญิงเที่ยว โอ॥โห่॥อีกหลายๆเรื่องมันยังงัย ไม่รูอ่ะอยากจะเป็นเหมือนเค้าอ่ะคือในความคิดตัวเองแต่ก่อนเคยมีความคิดอยากจะทำอย่างนี้บ้างแต่มังม่ายได้ทำอ่ะ॥
แต่ในคืนนั้นเองที่ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะขอบบคุณตัวเองโค-ตะ-ระสุดๆเลยอ่ะ ความคิดที่ว่า
มันเป็นเวลาตอนผมจะเข้านอนแล้วล่ะ ไอ้ความคิดที่อยากจะเปงเด็กในเมืองเหมือนเค้าก็ยังม่ายหมดนะ॥มันยังวนเวียนในหัวอยู่॥แล้วความรู้สึกไม่ใช่มันป็นเหมือนรากเง้าของผมอ่ะ มันเหมือนกระฉิบเบาๆข้างหูผมว่า มึงทำไรอยู่ ว่ะ॥ แล้วมึงลองมองตัวมึงสิมึงเป็นใคร॥แล้วมึงต้องทำอะไร॥อารมณ์ผมตอนนั้นก็ไปเลย॥ครับไปตามมันเลย॥ลอยละริ้ว..คิดไปโน้นน..เรื่องเรียน อนาคตบ้าง.. ชีวิตตัวเองบ้าง เราจะมาอยากจะเป็นเหมือนพวกเค้าไม่ได้นะ เรากำลังทำสิ่งนี้อย่นะและมันเป็นสิ่งที่จะพลักดันเราให้ขึ้นสูงขึ้นจะมาอยากจะเป็นอยากจะมีเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้ ขื่นเราเป็นอย่างนี้ต่อไปเรามันก็แค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่งเท่านั้น มันคงจะถูกอย่างที่เค้าว่า ไอ้เรามันก็แค่เด็กไอ้ขี้เหล้าขี้ยาคนหนึ่งหาอะไรในชีวิตไม่ได้หรอก...

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มิตรภาพ และความทรงจำ


เช้าของวันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาจากที่นอนพร้อมอาการงั่วเงี่ย ประกอบกับเสียงนาฬิกาที่ดังลั่นห้อง.กริ๊งงงงงงง .แต่สำหรับใครๆหลายๆคงจะไม่ใช่ปัญหา คงเลือกที่จะปิดเสียงของเจ้านาฬิกาซ่ะ แล้วก็เอนกายลงนอนต่อ อย่างสบาย จริงๆแล้วผมโคตรอยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็ถูกเตือนสติด้วยไอ้คำว่างาน งาน แล้ว ก็งาน ที่ผุดขึ้นมาในสมองของผมทุกๆเช้า เสียงไก่ขัน เสียงวิทยุจากลุงห้องข้างๆที่เปิดเป็นประจำ ดังขึ้น ผมมองดูนาฬิกา เวลา 05.00 น พลัน ความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก็เกิดขึ้น -- เอ่อ...เรามาทำไรที่นี้ว่ะ..แล้วเพื่อนเราล่ะ..ไปไหน..นี้เรา..อยู่คนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่..แล้วก็คิดไปถึงเพื่อนคนนั้น คนนี้ พวกมันมีที่ลงที่เรียนกันแล้วนี้ เราทำไมไม่ได้ไปเรียนกับพวกเขาว่ะ เรื่องราวต่างๆที่เคยทำด้วยกัน เรื่องบางเรื่องที่ยังไม่ได้บอก และหลายๆเรื่องที่ยังไม่ได้ทำให้กัน ...นึกถึงประโยคหนึ่งที่พวกเราเคยพูดกันตอน ม.6 ช่วงเทอม 2 "เฮย..เหลืออีก2เดือนพวกเราก็จะจบแล้วนะเฟ้ย ...อีกหน่อยก็จะได้ไปจากที่นี้ซ่ะที เราจะทำไรดีน๊า..พอไปถึงมหาลัยวันแรก แหลสาวรุ่นพี่ หรือ ไปก๊งเหล้าตอนเลิกเรียนดี หาห้องพอดีๆสักห้องเช่ากันอยู่ ก็คงจะดี " ความรู้สึกช่วงนี้เหมือนจะร้องไห้หรือเสียใจ หรือเราจะดีใจดีว่ะ สิ่งที่เราวาดไว้มันไม่เป็นเหมือนที่เราตั้งใจไว้อ่ะ ป่าน นี้พวกมันคงจะยังไม่ตื่น ต่างจากผมที่ต้องตื่นตี4-5ทุกวัน ไม่ได้เจอสาวๆไม่ได้เจอสิ่งที่สิวิลัย คงเปลี่ยนจากหน้าสาวมาเป็นหน้าหัวหน้าแก่ๆแทน ไม่มีเสียงดนตรีฟังเวลาพักเที่ยงคงจะเป็นเสียงลุงด่า เสียงเครื่องยนต์ เสียงเหมืองหิน แทน /เฮ่อ..นี้น่ะเหรออนาคตที่ผมเลือกเอง อืม..ไหนๆแล้วเส้นทางนี้ที่ผมเลือกเองไม่มีใครบังคับ เป็นผมที่สมัครใจเองทุกอย่าง ผมเองจะมานั้งเสียจงเสียใจไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีแม่พ่อมานั่งตามใจอีกแล้ว ผมเองจะพลาดไม่ได้อีก ความอดแล้วก็ทนเท่านั้นที่จะอยู่ที่นี้ได้ "ขอให้พวกนายทุกคนตั้งใจนะ เฟ้ย..ทำสิ่งที่พวกนายหวังไว้ให้ได้ เราเองก็มีเรื่องอีกเป็นพันๆล้านเรื่องที่ต้องทำให้เสร็จเหมือนกัน เราจะเองจะไม่ลืมพวกนาย ถึงแม้ว่าเวลามันจะผ่านไปนาน สักแค่ต่อให้นานแสนนาน เราจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีๆครั้งนี้ สุดท้ายนี้ไม่มีคำ คำใดจะ ส่งและอวยพรให้ นอกจากคำง่ายๆ และสั้นๆ ว่า โชคดีว่ะเพื่อน" (และ ความรู้สึกก็หาย วับ เมื่อ)///// มีเสียงๆหนึ่ง ดังขึ้น ---ปังๆๆๆ เฮ้ย ตื่นได้ แล้วเว้ย..เส่าแล้วมันสิ นอนเอา โล่ บ่/// เฮ่อ..มันเป็นเสียงของ น้า ห้องข้าๆน่ะคับ แก่คงคิดว่าผมจานอนตื่นสายอีกล่ะม๊างง.. แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วผมคง ภาวนาให้ตัวเอง อดทนแล้วก็อดทน ทนๆ แล้วก็ทน จนถึงที่สุด...
ศ।สาลา ม.พอกะเทิน

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รูปเพื่อนๆ

http://laosussus.hi5.com/friend/photos/displayUserAlbum.do?albumId=212182504&ownerId=286170607

เอาบรรยากาศในอู่ซ่อม ที่ทำงานมาฝาก..








ขอบคุณคร้าบบบ..


ไวรัสลงเครื่องในรอบ ३ เดือน..เซ็ง..०.0



เข้าบ๊าบบบ..ที่เดียวเล่นเอาผมต้อง ฟอร์แมตทั้งเครื่องเลย ไม่เบื่ออะไรหรอกที่เซ็งอ่ะเป็นความรู้สึกที่นั้งรอมากกว่าจะไปไหนก็ไม่ได้ไป งม..อยู่นี้แระ

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ชีวิตบ้าบอคอแตก"

"ชีวิตบ้าบอคอแตก"
เรื่อง ศ।สาลา (ม.พอกะเทิน)
หลายคนคงมีความรู้สึกเซ่งแล้วก็เซ่งเอามากๆ แบบว่าวันนี้ทั้งแม..*ไม่รู้เป็นเหี่*-+อารัยจามองเป็นทางไหนก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดขนาดคนที่เห็นกันอยู่ทุกวันเนี๊ยล่ะ เดินผ่านอ่ะยังรู้สึกเบื่อขี้หน้า.. เรื่องแบบนี้หาคนจามาเข้าใจยาก เผอๆคุยกันไปคุยกันมาอยู่ดีๆก็ลุกขึ้นบรรเลงเพลงมวยไส่กันเลยก็มี ไม่รู้สิถ้าเป็นผมนะในอารมณ์แบบนี้ตัวผมเองจาเลือกทำตัวเป็นเหมือนคนอากาศไปเลยซะงั้นแบบว่ามึงจาพูดอารัยพูดไปเหอะตูม่ายด่าและก็ม่ายโต้ตอบและตูก็จาม่ายลุกหนีปายไหนด้วยจานั่งฟังมึงบ่นนี้ล่ะบางครั้งเห็นเรานั่งเฉยไม่พูดไม่จาอารัยมังก็เงียบไปเองก็มี อืมหนักหน่อยก็มีเปิด-ปิดปะตูแรงๆ(ทั้งทีไอ้ประตูอ่ะมังม่ะได้ฟืดอารัยเล้ยยย..)มีการโยนข้าวโยนของกันทิ้งด้วยโดนที่ หารู้เลยไม่ว่า พอเสื้อผ้าของมังถูกเราโยนทิ้งหมดแล้ว มังก็ต้องมาขอเงิงเราซื้อใหม่อยู่ดี 55 เฮ่อ.ชีวิตที่สำหรับบางคนคิดว่าน่าเบื่อแต่คัยหลายคนในโลกนี้เค้าเห็นแล้วก็ต้องบอกว่า โห่.ชีวิตมึงอ่ะยังดีกว่าตูเลยของมึงอ่ะไม่ได้ครึ่ง ก็เพราะคนเราเกิดมาพร้อมกับต้นทุนในการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน คนโบราณมักพูดว่า บุญวาสนา อ่ะ..มันมีไม่เท่ากัน บางคนคิดว่าการที่สั่งอาหารจานแพงๆแล้วต้องรอเนี๊ยเป็นความทุกข์เอามากๆทรมานและหงุดหงิดสุดๆโดยที่หารู้เลยไม่ว่ายังมีหลายคนในโลกนี้ที่ไม่มีแม้กระทั้งเงินหรือเศษสตางค์เอาไว้ซื้อของแพงๆพวกนี้คงเปลี่ยนจากคำว่าโห่อาหารที่สั่งเมื่อกี๊อ่ะเมื่อไหร่จาได้ฟ่ะไปเป็นคืนนี้เราจะกินอารัยจาอยู่ยังงัยแทน มีคัยบอกได้ไหมว่า...ชีวิตที่ดีและสมบูรณ์ที่สุดเป็นอย่างไร มันเป็น ชีวิตที่ไม่ต้องการอะไร ชีวิตที่ไม่เลิศหรู หรือ ชีวิตที่เพียบพร้อมไปซะ..ทุกอย่าง เหรอ..

ทักทายกันหน่อย

22:48 AM 5/7/20092:48 AM 5/7/2009อ่ะฮึม॥สวักลีฮะ..เพื่อนๆผม ศ।สาลา [ม।พอกะเทินครับผม] อืมแล้วก็ต้องขอสวัสดีเพื่อนๆม.6ทุกคนนะจ๊ะไม่ทราบว่าดูอยู่หรือเปล่าพอดีซื้อฮาตดิสใหม่แล้วไปเอาข้อมูลที่บ้านไอ้ปั๊กมาตั้งวันที่ 5พ.ค.โน้น. เลยเก็บรูปรุ่นกับรูปตอนไปเที่ยวมาฝากเผื่อเพื่อนคนไหนยังไม่ได้ดูก็จาได้ดูคิดว่าหลายคนคงจาดูแล้วล่ะส่วนคนไหนที่ยังไม่ได้ดูหรือต้องการรูปทั้งหมดอ่ะเมล์มาหาเราแล้วจาส่งไปให้ทั้งหมดเลยคือที่เอามาให้ดูนี้ยังไม่หมดนะเหลืออีก ว่างๆก็มาโพต์สให้หน่อยน๊า॥เป็นยังงัยกันบ้างสำหรับการใช้ชีวิตในรั่วมหาลัยปีแรก คงจาสนุกและตื่นเต้นน่าดู เลยใช่หม๊า..ยังงัยก็ตั้งใจเรียนให้มากๆน๊า.เป็นกำลังใจอีกแรงให้อยู่ สุดท้าย นาย ศ.สาลา ต้องบอกคำว่า บะบาย แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ.







วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Windows 7 RC ส่งตรงจาก माइक्रोसॉफ्ट (เก็บมาฝาก)




* Aero Peek จะถูกแสดงตอนกด Alt+Tab ด้วย (นั่นคือ มีภาพใน Alt+Tab และบนหน้าจอจริงๆ ก็แสดงโปรแกรมที่กำลังเลือกด้วย Aero Peek) * เพิ่มปุ่มลัด Win+(หมายเลข) สำหรับเรียกโปรแกรมที่อยู่บน Taskbar * สามารถลากไฟล์ทับบนไอคอนโปรแกรมเพื่อสั่งเปิดไฟล์ได้ (ต้องกด Shift ประกอบ) เพราะของเดิมจะเป็นการลากไฟล์ไปปักไว้บน Taskbar * ปรับให้ Taskbar ใหม่แสดงจำนวนไอคอนได้มากขึ้น โดยใช้วิธีปรับขนาดของไอคอนให้เล็กลง และปรับวิธีกระพริบของไอคอนที่กำลังแจ้งเตือนใหม่ * จำกัดความยาวของ Jump List ไม่ให้ยาวเกินไป เหลือ 10 รายการ และสามารถเลือกปักหมุดไฟล์ที่ต้องการไว้ใน Jump List ของโปรแกรมที่ใช้ได้ * Aero Peek for touch ปรับปรุงให้เหมาะกับหน้าจอสัมผัสมากขึ้น * On-screen keyboard ที่สนับสนุนมัลติทัช ให้ความรู้สึกเหมือนคีย์บอร์ดจริง คือกดหลายปุ่มพร้อมกันได้ และมัลติทัชคลิกขวา คือเอานิ้วซ้ายจิ้มค้างไว้ แล้วนิ้วขวาจิ้มตาม จะเปิดเมนูคลิกขวา * ปรับให้ไอคอน network บน Taskbar แสดงสัญญาณ Wi-Fi เลย ไม่ต้องกดดูเองหลายรอบ * เพิ่มฟอร์แมตที่รองรับใน Windows Media Player 12 เช่น ।mov จากกล้อง, ปรับปรุงด้าน Internet Radio และส่วนอื่นๆ อีกหลายจุด * ปรับปรุงส่วนของ Libraries ใน Windows Explorer, สนับสนุน FAT32 สำหรับ Libraries (ในรุ่นเบต้ามีแต่ NTFS) * ปรับปรุงประสิทธิภาพในหลายจุดจากข้อมูลจริงที่ได้ในรุ่นเบต้า เช่น เปิด Start menu และแสดงผลได้เร็วขึ้น
เอ้า॥ไปเอามาทดลองใช้กัน http://acuboard.co.cc/weboard/bbs/viewthread.php?tid=443 ผมก็ม่ายแน่ใจเหมือนกันว่าแท้หรือไม่แท้ (เป็นBETAมั้ง)

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

มานจาเสร็จ ก็ม่ายเสร็จ เฮ่อ


...วานนที่คายๆหลายคนเค้านอนเปิดพัดลมนอนดูทีวีอยู่ที่บ้าน แต่ผมม่ะรู้มาทำอารายก็ไม่รู้ เดินถือกระดาษแผ่นขาวนี้อ่ะให้อาจารย์เซ็น กว่าจาหาอาจารย์เจอ ॥ยังกะหาปลาบึกยังงัยยังงั้น2วันแระยังม่ายเสร็จเลย..เฮ่อ।พรุ่งนี้จะต้องมาอีกเฮ่อ..แต่ว่ามันจาเกิดอารัยขึ้นผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วล่ะ ว่าจะทำยังงัย (อืม.เกือบลืมผมขอขอบคุณต้องขอขอบคุณอาจารย์ พิศมัย.อ.ต้น)อ.วิชชุ อ.สุกฤตา อ.ธิติมา อ.สมัย ผอ. และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือไอ้เดียวที่มันอุตสาห์มานั่งรอผมทั้งวัน ขอบคุณมากๆนะเฟ้ย..สุดท้ายนี้ ผมเองอยากบอกความรู้สึกในใจหน่อยว่า... บุคคนที่ขาดไม่ได้ถ้าไม่มีบุคลที่ว่ามานี้ก็คงไม่มีผมในวันนี้..
"ขอบคุณ อ।จารย์ทุกท่านนะครับ แม่ครัวและก็พานโรง॥เพื่อนห้องม।6ทุกคน""ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ที่ทำให้เราได้มาเจอกัน""ขอบคุณแม่ และก็พ่อ พี่สาวที่เป็น กำลังใจให้ผมเสมอ""ขอบคุณใครบางคนที่สอนให้ผมรู้จักคำว่า รัก॥และก็ใครบางคนที่สอนให้ผมรู้จักคำว่า อกหัก (เจ็บ)เป็นยังงัย"
*ขอขคุณจริงๆครับ*

- ศ*สาลา ม.พอกะเทิน

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สเปกเทพ (แพงปายอ่ะเปล่าฟ่ะ).."

อันนี้ก็ไม่รู้นะครับมังจาแพงไปหรือเปล่าแต่สำหรับคัยบางคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ล่ะก็ 55+น่าลองคับ








CPU : AMD Phenom X4 9950 2.6GHz 512KB L2 2MB L3 Cache 4000MHz HT Socket AM2+ Quad Core


• Mainboard : Gigabyte GA-MA790FX-DS5 Socket AM2+ Chipset AMD 790FX + SB600 Hyper Transport Bus 5200/2000 MT/s


• Memory : Geil DDR2 Black Dragon EVO ONE 4GB (2GBx2) 1066MHz 5-5-5-15


• Hard Disk : WD Caviar blue WD6400AAKS 640GB SATA-II 16MB NCQ


• Graphics Card : HIS HD4870 X2 2GB DDR5


• Monitor : ACER Ferrari F-22bdi 22"


• Optical Drive : ASUS DRW2014L1T 20X, SATA-Interface, LightScribe
รวมแล้วก็ ปามาน 74,270 คับ

คอมสเปก 15000 ได้ไรบ้าง(ที่ประหยัดน่ะจริงหรือ)

สเปค 15,000. - กันครับ ว่าเราจะได้อะไรมาบ้าง


Intel LGA775Price CPU
Intel Pentium D 820 2.8GHz
3,120
Mainboard
ASUS P5VDC-MX
2,020
VGA
On Board
-
RAM
Kingston DDR2 667MHz 512MBx2
2,000
Drive
ASUS DVD-RW
1,380
HDD
Seagate 80GB SATA2
1,750
FDD
Samsung FDD 2.5"
230
Monitor
Socos 17" Flat
2,590
Sound
On Board
-
Case
General Case 400W
1,000
Mouse&Keyboard
General Mouse+Keyboard
500
Total

14,590
----------------------------------------------------------------------------
AMD AM2Price CPU
AMD Athlon64 X2 3600+ 1.8GHz
2,840
Mainboard
ASUS M2NPV-VM
2,870
VGA
On Board
-
RAM
Kingston DDR2 667MHz 512MBx2
2,000
Drive
ASUS DVD-RW
1,380
HDD
Seagate 80GB SATA2
1,750
FDD
Samsung FDD 2.5"
230
Monitor
Socos 17" Flat
2,590
Sound
On Board
-
Case
Case 400W
1,000
Mouse&Keyboard
Mouse+Keyboard
500
Total

15,160
AMD Athlon 64 3800+ (AM2)



เป็นไงครับสเปกและราคาพอใช้ได้ สำหรับใช้ในครัวเรือนเป็นทางออกที่ดีประหยัดด้วยแต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์เก่าล่ะก็ แค่นี้คงจาดูเชยๆไปแน่นอน อันนี้ต้องซื้อมาโมดิไฟเองครับถึงจาตรงตามคอนฯ




: อ้างอิงจาก http://www.quickpcextreme.com/blog/archives/244

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทั้งเจ็บทั้งเหม็น


พึ่งรู้ ทำงานเปงจับกังนี้มานก็ยากเอาการเหมือนกัน..
เคยเห็นลุงเห็นป้าเห็นน้า..เค้าปายทำงานรับจ้างกัน..เคยถามพวกแก่ว่าไม่เหนื่อหรอ..(แต่วันนี้รู้ซึ้งแล้วล่ะ)---------------------------------------------ก็ความอยากรู้เนี๊ยแระ ทำให้ผมต้องไปลองทำดู /ออกงานวันแรกครับ อาชีพที่แถวบ้านผมทำกันมากในหน้านี้ก็คือปลูกมันสัมประหลังคับ..โอ้ โฮ่ ใครว่าง่ายๆอ่ะมาลองปลูกดูจารู้ว่ามันไม่ง่ายเลย กว่าจะได้เงินเค้ามาเนี๊ยเหงื่อไหลเป็นลิตร..ยิ่งตอนเที่ยงไปหาตอนบ่าย3เนี๊ยโอ่...นารกกบนดินก็ไม่ปานอ่ะ คิดดูนะแดดร้อนร้อน ทำงานอยู่กลางไร่ มือข้างหนึ่งจับลำมันฯไว้(ที่เค้าตัดเป็นท่อนๆให้แล้วอ่ะ)อีกข้างจับตะกร้า..ตะกร้านี้จะมีสายสะพายด้วยมันไม่หนักเท่าไหร่หรอกก็แค่ 40 กว่ากิโล.. แต่นี้ให้เราแบกตั้งแต่เช้ายันเที่ยงอ่ะ..แล้วก็ตอนบ่อยอ่ะคิดดูไอ้40กิโล นี้แระแถมไร่ยังเป็น 10 30 ไร่อ่ะไอ้น้ำเย็นๆอ่ะพอถูกแดดเข้าหน่อยก็ละลาย กินเข้าทีไรยังกะน้ำร้อนนี้ถ้าเอากาแฟมาด้วยจากินได้เลยล่ะ..ยังไม่พอนะปัญหาหลักคืออาหารที่กินตอนกลางวันนี้สิ ก็ตามประสาชาวบ้าน ภาคอีสานเนี๊ยก็ต้องส้มตำปลาร้า..แจ่ว(น้ำพริกอ่ะ) จาดีหน่อยก็มีต้มปลา บ้างไก่บ้าง ไอ้ส้มตำนี้สิกินเสร็จมันยังไม่ออกริษหรอกโน้นปายตอนบ่าย1-2 โน้นล่ะมันถึงจาออกริษไอ้เราก็ไม่ทำไหร่คนที่เป็น ดัน..เป็นคนข้างๆเราคิดดูตามไร่ตามป่าตามเขามีห้องน้ำซะที่ไหนล่ะ ไงล่ะก็ต้องเข้าป่าดิ นั้นยังไม่เท่าไหร่..แต่พอพี่แก่ออกมานี้สิ อึ ฮือ...กลิ่นนี้ โชยมาเลยไอ้เราก็ไม่ได้อยู่ไกล จากพี่แก่เลยห่างแค่2วา 555 ยังหรอคิดดูเวลาพี่แก่เสียบลำมันมาไกล้อ่ะเวลาเสียบก็ต้องก้มไช่หม๊า..55กลิ่นนี้ไม่ต้อพูดถึง....กำก็เล่นเอาผมซะจาเปงลม พี่แก่จาเปงอารายก็อารม ดีสิ ไปปล่อยมาแล้วนิ ตูอยู่ข้างๆจาตายเพราะกลิ่นอยู่แล้ว..ทั้งกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ทั้งเหนื่อย..ทั้งเจ็บไหร่ข้างขวางานนี้ก็เลยทั้งเจ็บทั้งเหม็นดีหน่อยตอนค่ำนั่งข้างหน้า ม่ะได้นั่งหลังไอ้พวกที่นั่งหลังด้วยกังก็ซวยไป...(อยากบอกว่ายังน้อยไปตูน่ะดมมาทั้งวัน ยังไม่ถึงครึ่ง)55 ประสบการณ์เล็กน้อย(เหม็นๆ) 555บายครับ..ศ.สาลา ม.พอกะเทิน

Alone !*-*



คนคเคยมีความรู้สึกหวิวๆ เมื่อด้ไปจากที่ที่ตัวเองเคยอยู่แถมยังเป็นที่อยู่นานๆซะด้วย และบางคนคนอาจมีความหวังฝังใจกับสถานที่นั้นแม้...
จะให้ลืมมันคงยาก คงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย..
อย่างผมนี้ก็เหมือนกังตอนขึ้นม.6ใหม่ๆแหม..เมื่อไหร่จาจบม.6ซะที่หว๊า..อ่ะมีบางคนนับปฏิทินด้วยอ่ะ..เฮ่อมึงจาปาขีดทามม๊าย..แต่พอจาจบเข้าจริงๆ..เฮ่อจาจบแล้วใจหายเหมือนกังเนอะ (จาว่าไปแล้วบางคนก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งนะไอ้ขีดปฏิทินรอเนี๊ย..ฮ่า.ๆ)
------------------------------------------------------------------------------------
แต่ท้ายที่สุดแล้วนาย ศ.สาลาก็ต้องมาใช่ชีวิตในรั่วมหาลัยทั้งทีไม่อยากจามาสักเท่าไร แต่ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ อ่ะ เวลาได้เจอรุ่นพี่สาวๆอ่ะโอ้โห..เทวดานี้ก็จายร้ายเน๊อะปล่อยนางฟ้ามาตกระกำรำบากได้...ฮ่าๆๆ เป็นงั้นไป
*-* ยังงัยไม่รู้ก็ต้องสู้ๆมังต่อไป....
ไว้เจอกันโอกาศหน้าครับ

ฟังเพลงเย็นๆ กับ ศ.

ผู้ติดตาม

ฟังเพลงเย็นๆครับผม